วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประวัติ คริสเตียนโน โรนัลโด

ชื่อเต็มคือ คริสเตียนโน โรนัลโด ดอสซานโตส อเวโร่ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1985 ที่เมืองฟัลเซาเมดารา ประเทศโปรตุเกส โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลจากข้างถนน ก่อนพรสวรรค์ที่เต็มเปี่ยมบวกกับทักษะและความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยมสามารถเล่นได้ทั้งปีกขวา และปีกซาย โรนัลโดได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในปัจจุบัน

อาชีพนักบอล

1993-2001:เริ่มต้นอาชีพกับทีมเยาวชน

โรนัลโด เริ่มเล่นฟุตบอล ตอนอายุเพียง 3ปีเท่านั้นก่อนที่จะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังกับสโมสร andorinha เมื่อตอนอายุ6ขวบจากการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมและยังเป็นทีมที่บิดาของเขาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลชุดแข่งอีกด้วยพอถึงปี 1995 โรนัลโด ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับทีม Nacional โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดและลูกฟุตบอล หลังจากช่วยนาซิอองนาลคว้าแชมป์ระดับเยาวชนในอายุ12ปี ก็ได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ๆของโปตุเกสมากมายแต่สุดท้ายโรนัลโดเลือกย้ายไปอยู่กับ สปอตติ้ง ลิสบอน ทีมโปรดของตัวเองในที่สุด

2001-2003:สปอตติ้ง ลิสบอน

เริ่มเล่นกับทีมเยาวชนของสปอตติ้ง ลิสบอนก่อนที่เขาจะค่อยๆก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2001
และ หลังจากโชฝีเท้าในศึก ยูโร ชุดยู17 โรนัลโดก็เป็นที่รู้จักในนามดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลโ)ตุเกสที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์และทักษะเขาได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิเวอร์พลูที่ติดตามฝีเท้าของโรนัลโด มาตั้งแต่เขาอายุ16แต่อย่างไรก็ดีโรนัลโดได้เลือกมาอยู่กับ Manchester united และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งปี2009โรนัลโดได้ย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดในโลก 80ล้านยูโร
และได้กลายเป็นกัปตันทีมเป็นกำลังหลักของทีมจนถึงปัจจุบัน

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ไทย 3G ลาว 4G แล้วไง?

ทำไมประเทศไทยต้องทำ 3G ไม่ข้ามไป 4G?

1. เนื่องจากคลื่นความถี่ 2100MHz มันว่างอยู่ซึ่งเป็นคลื่นที่เป็นมาตรฐานโลกในการทำ 3G จะไม่ใช้ก็เสียดายทรัพยากรธรรมชาติ
2. คลื่นที่ใช้ในการทำ 4G ส่วนมากคือ 1800 หรือ 2600 ซึ่งคลื่อนแรกกำลังจะหมดสัมปทานส่วนคลื่นสองก็อยู่ในแผนเตรียมการประมูลต่อ
3. อุปกรณ์ใช้งาน 4G ยังมีราคาสูงอยู่มากไม่ตอบโจทย์ของประชากรทั้งประเทศไทยที่มีความเหลื่อมล้ำทางฐานะสูง
4. 4G มันไม่สามรถโทรเข้ามา 2G/3G ได้โดยตรงเพราะมันคนละระบบกัน

ท้องเสีย

สาเหตุของอาการท้องเสีย 

  • การกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด
  • การแพ้อาหารบางชนิด เช่น นม เนื่องจากขาดเอนไซม์ที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม
  • กินอาหารมากเกินไปหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

เมื่อมีอาการท้องเสียควรทำอย่างไร ต้องทานยาหยุดถ่ายโดยทันทีหรือไม่?

หลายๆคนอาจคิดว่าเมื่อมีอาการท้องเสียควรทานยาหยุดถ่ายหรือยาแก้ท้องเสีย แต่รู้หรือไม่วิธีการเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะการทานยาหยุดถ่ายหรือยาแก้ท้องเสียจะทำให้ลำไส้ต้องกักเก็บเชื้อโรคเอาไว้นานขึ้น จะทำให้ท้องอืด ปวด และแน่นท้องมากขึ้น ดังนั้นถ้าท้องเสียไม่ควรทานยาหยุดถ่าย แต่ควรจจะถ่ายให้หมด เนื่องจากร่างกายจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อมีการติดเชื้อหรือกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยการปล่อยสารพิษหรือเชื้อโรคออกมา และเมื่อปล่อยหมด การเคลื่อนตัวของลำไส้ก็จะกลับมาเป็นปกติ

วิธีดูและตัวเองเมื่อท้องเสียในช่วง 24-72 ชั่วโมง

  1. หยุดรับประทานอาหาร 2 ถึง 4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้หยุดการทำงาน
  2. ดื่มเกลือแร่ผงผสมกับน้ำต้มสุกหรือใช้เกลื่อป่นผสมกับน้ำต้มสุก เพื่อทดแทนน้ำกับเกลื่อแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป
  3. หลังจากนั้นจึงเริ่มรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวใส่เกลือ ข้าวต้ม หรือ โจ๊ก งดอาหารรสจัดและอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้
  4. รับประทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก (probiotic yogurt) เชื้อแบคทีเรียมีชีวิตเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงบางชนิดและทำให้หายเร็วขึ้นได้
  5. ลองรับประทานแบรทไดเอ็ท (BRAT diet) ได้แก่ กล้วย , ข้าว, แอปเปิลหรือน้ำแอปเปิล และขนมปังปิ้งแห้ง อาหารสูตรนี้เหมาะสำหรับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถรับประทานได้เช่นกัน ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องเน้นเฉพาะอาหารเหล่านี้ แต่การรับประทานอาหารเหล่านี้เพิ่ม อาจช่วยให้อาการท้องร่วงหายเร็วขึ้นได้
  6. งดดื่มนม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน จนกว่าจะหายท้องเสีย
  7. หลีกเลี่ยงยารักษาโรคท้องเสีย ยกเว้นแพทย์สั่ง เนื่องจากท้องเสียเป็นการขับสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากร่างกาย ดังนั้นทางเดียวที่จะดีขึ้นได้คือต้องยอมถ่ายเหลว
  8. รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง หรือ ยาลดไข้

ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนในกรณีดังต่อไปนี้

  • อาเจียนหรือท้องเสียในเด็กแรกเกิดอายุน้อยกว่า 3 เดือน (พบแพทย์ทันทีที่มีอาการ)
  • เด็กอายุเกิน 3 เดือนที่มีอาการอาเจียนนานกว่า 12 ชั่วโมง
  • ท้องเสียนานกว่า 3 วัน
  • อุจจาระมีเลือดปน มีสีดำ หรือดูมีน้ำมันปน
  • อาการปวดท้องที่ไม่ดีขึ้นเมื่อได้ถ่ายอุจจาระ
  • อาการขาดน้ำ เช่น เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หรือตะคริว
  • มีไข้ร่วมกับท้องเสีย โดยไข้สูงกว่า 38.33°C ในผู้ใหญ่หรือสูงกว่า 38°C ในเด็ก